วันแรก ไกด์รับลูกค้าที่สนามบิน – วัดพระสิงห์มหาวรวิหาร – วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร – วัดพระธาตุดอยสุเทพ – วัดศรีสุพรรณ
วันที่สอง ดอยอินทนนท์ – พระมหาธาตุนภเมทนีดล – พระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ – น้ำตกวชิรธาร – วัดพระธาตุศรีจอมทอง
วันที่สาม ม่อนแจ่ม – วัดบ้านเด่น – แดนเทวดา

วันแรก ไกด์รับลูกค้าที่สนามบิน – วัดพระสิงห์มหาวรวิหาร – วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร – วัดพระธาตุดอยสุเทพ – วัดศรีสุพรรณ

08:00 – 09:00 ไกด์และรถรับลูกค้าที่สนามบิน หรือโรงแรม แล้วเดินทางไปยังวัดพระสิงห์

10:00 วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร เดิมชื่อ วัดลีเชียงพระ หมายถึง วัดที่ตั้งใกล้ตลาดกลางเมือง สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1888 โดย พญาผายู กษัตริย์เชียงใหม่ องค์ที่ 5 แห่งราชวงศ์มังราย พญาผายูได้นำอัฐิ พญาคำฟู ราชบิดา ซึ่งครองเมืองเชียงแสน มาบรรจุในสถูปประดิษฐานไว้ที่แห่งนี้ แล้วสร้างพระธาตุเจดีย์ขึ้น ต่อมาเจ้ามหาพรหม กษัตริย์เมืองเชียงราย ได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ หรือ พระสิงห์ มาจากเมืองกำแพงเพชร นำมาถวาย พญาแสนเมืองมา กษัตริย์เชียงใหม่ ต่อมาพญาแสนเมืองมาได้อัญเชิญพระพุทธสิหิงค์มาประดิษฐานไว้ที่วัดลีเชียงพระ ประชาชนจึงเรียกวัดลีเชียงพระว่า วัดพระสิงห์ นับตั้งแต่นั้นมา

11:00 วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร เป็นวัดเก่าแก่ในจังหวัดเชียงใหม่ มีชื่อเรียกหลายชื่อ ได้แก่ ราชกุฏาคาร, วัดโชติการาม สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าแสนเมืองมา กษัตริย์ลำดับที่ 7 แห่งราชวงศ์มังราย ไม่ปรากฏปีที่สร้างแน่ชัด สันนิษฐานว่าวัดแห่งนี้น่าจะสร้างในปี พ.ศ. 1934 วัดเจดีย์หลวงเป็นพระอารามหลวงแบบโบราณมีการบูรณะมาหลายสมัย ปัจจุบันมีขนาดความกว้างด้านละ 60 เมตร เป็นองค์พระเจดีย์ที่มีความสำคัญที่สุดองค์หนึ่งในเชียงใหม่

12:00 รับประทานอาหารกลางวัน

13:30 วัดพระธาตุดอยสุเทพ เป็นวัดที่มีประวัติยาวนาน ตั้งแต่การอัญเชิญพระธาตุมาประดิษฐานบนยอดเขาเมื่อปี พ.ศ. 1927 หลังจากนั้นได้มีการก่อสร้างพระเจดีย์ครอบองค์พระธาตุ สร้างพระอุโบสถและบันไดนาค ตลอดจนสร้างเส้นทางขึ้นสู่วัดโดยพระสงฆ์ซึ่งเป็นผู้นำทางศาสนาหลายท่าน เช่นครูบาศรีวิชัย และเจ้าเมืองในแต่ละยุคจนถึง พ.ศ. 2547 กรมศิลปากรได้เข้ามาบูรณะครั้งใหญ่พร้อมปรับปรุงบริเวณลานพระเจดีย์ซึ่งเป็นจุดชมทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองเชียงใหม่ใช้เวลาถึง 6 ปี จึงแล้วเสร็จ 

16:00 วัดศรีสุพรรณ ตั้งอยู่ในชุมชนวัวลาย ซึ่งเป็นชุมชนทำหัตถกรรมเครื่องเงินที่มีชื่อเสียงของจังหวัดเชียงใหม่ชาวบ้านจึงร่วมแรงกันทั้งวัดและชุมชนปฏิสังขรณ์จากฐานและเขตพัทธสีมาของอุโบสถหลังเดิมที่ชำรุดทรุดโทรมขึ้นใหม่มีลักษณะเป็นพระอุโบสถเงินทรงล้านนา สร้างด้วยโลหะเงินทั้งภายนอกและภายในพระอุโบสถ โดยมีการประดับตกแต่งด้วยหัตถกรรมเครื่องเงินอย่างวิจิตรอลังการงดงามแบบล้านนา

17:30 รับประทานอาหารเย็น และเดินทางเข้าที่พักและพักผ่อนตามอัธยาศัย

วันที่สอง ดอยอินทนนท์ – พระมหาธาตุนภเมทนีดล – พระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ – น้ำตกวชิรธาร – วัดพระธาตุศรีจอมทอง

08:00 รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม.

09:00 รถรับที่โรงแรม แล้วเดินทางไปยังดอยอินทนนท์

11:00 ดอยอินทนนท์ เป็นยอดเขาสูงสุดของประเทศเป็นดินแดนที่มีสภาพป่าดงดิบเขาระดับสูงที่ยังมีความอุดมสมบูรณ์ มีลักษณะของพันธุ์ไม้เขตอบอุ่นผสมกับพันธุ์ไม้เขตร้อนที่ยังคงมีพรรณไม้ในสกุลต่างๆ ให้ได้พบเห็นและสิ่งหนึ่งที่จะรู้สึกความแตกต่างระหว่างยอดดอยอินทนนท์กับพื้นที่เชิงดอยก็คืออุณหภูมิความหนาวเย็นที่แตกต่างกันมาก โดยทั่วไปแล้วจะมีสภาพที่ชุ่มชื้นและหนาวเย็นตลอดปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณยอดดอยอินทนนท์ ซึ่งมีลักษณะเป็นสันเขาและยอดเขาจะมีกระแสลมที่พัดแรงและมีสภาพอากาศที่หนาวเย็นมาก

12:00 พระมหาธาตุนภเมทนีดล และพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ เป็นพระมหาธาตุอันสวยงามที่ตั้งอยู่บนยอดดอยในเขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ สร้างโดยกองทัพอากาศและเหล่าพสกนิกรชาวไทย ในส่วนของพระมหาธาตุนภเมทนีดล สร้างน้อมเกล้าถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในวโรกาสทรงพระเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ เมื่อปี พ.ศ. 2530 และพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ สร้างน้อมเกล้าถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสทรงพระเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบเมื่อปี พ.ศ 2535 

13:00 รับประทานอาหารกลางวัน

14:00 น้ำตกวชิรธาร เป็นน้ำตกในอำเภอจอมทอง แต่เดิมมีชื่อว่า “น้ำตกตาดฆ้องโยง” ภายหลังได้เปลี่ยนชื่อตามพระนามาภิไธยของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร (พระอิสริยยศในสมัยนั้น) น้ำตกแห่งนี้เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่เกิดจากลำห้วยแม่กลาง มีความสูงประมาณ 70-80 เมตร สายน้ำตกจะไหลตลอดทั้งปีลงสู่แอ่งน้ำเบื้องล่าง และบางช่วงที่ละอองน้ำกระทบกับแสงอาทิตย์จะปรากฏสายรุ้งขึ้นเหนือธารน้ำซึ่งมีความสวยงามเป็นอย่างมาก

15:30 วัดพระธาตุศรีจอมทอง วัดนี้สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 20 เป็นสถานที่ประดิษฐานของพระทักษิณโมลีธาตุ พระธาตุส่วนที่เป็นพระเศียรเบื้องขวาของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีขนาดเท่าเมล็ดพุทรา สัณฐานกลมเกลี้ยงสีขาวนวลเหมือนดอกบวบ หรือสีคล้ายดอกพิกุลแห้ง นอกจากนี้ภายในวัดยังมีสิ่งก่อสร้างน่าชม ได้แก่ พระอุโบสถซึ่งมีลักษณะทรงไทยหน้าบันลงปิดทองสวยงาม หอพระไตรปิฎกเป็นอาคารสองชั้นครึ่งตึกครึ่งไม้สำหรับเก็บพระไตรปิฎก และพระวิหารจัตุรมุขซึ่งภายในพระวิหารมีมณฑปปราสาทเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ 

18:00 รับประทานอาหารเย็น

19:00 กลับเข้าโรงแรม และพักผ่อนตามอัธยาศัย

วันที่สาม ม่อนแจ่ม – วัดบ้านเด่น – สนามบินเชียงใหม่

08:00 รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม

09:00 รถรับที่โรงแรมที่พัก แล้วเดินทางไปยังม่อนแจ่ม

10:00 ม่อนแจ่ม เดิมมีชื่อว่า กิ่วเสือ ในอดีตมีสภาพเป็นป่ารกร้าง ก่อนที่ชาวบ้านจะเข้ามาแผ้วถางเพื่อปลูกฝิ่นและทำไร่เลื่อนลอยจนกลายเป็นป่าเสื่อมโทรมเขาหัวโล้น จนเมื่อ พ.ศ. 2527 มีการจัดตั้งศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอยขึ้นตามแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อส่งเสริมการปลูกพืชผักเมืองหนาวแทนการปลูกฝิ่น และพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวบ้าน

11:30 รับประทานอาหารกลางวัน

14:00 วัดเด่นสะหรีศรีเมืองแกน เดิมวัดนี้มีชื่อว่า วัดศรีบุญเรือง โดยภายในวัดจะมีสถาปัตยกรรมล้านนาประยุกต์ที่โดดเด่นมากมายและมีต้นโพธิ์ หรือ ต้นสะหรี ที่มีความหมายเป็นมงคลอยู่อีกด้วย ต่อมาเลยได้นำชื่อต้นไม้นี้มาตั้งเป็นชื่อวัด บวกกับวัดที่ตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่าซึ่งเมื่อก่อนนั้นจะเรียกกันว่า เมืองแกน ก็เลยเกิดเป็นชื่อ วัดเด่นสะหรีศรีเมืองแกน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แต่ด้วยแรงศรัทธาของพุทธศาสนิกชนที่มีต่อท่านครูบาเจ้าเทือง นาถสีโล เกจิดังแห่งภาคเหนือที่จำพรรษาอยู่ที่วัดนี้ จึงพัฒนาจากวัดเล็กๆ ให้มีความใหญ่โตสวยงาม ทรงคุณค่าในงานพุทธศิลป์ถิ่นล้านนา

16:00 เดินทางไปสนามบินเชียงใหม่